วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Probiotic.....เพื่อนแสนดีที่อยู่ข้างกายคุณ



http://thaiprobiotics.org/content/image/hd_left.png
ปัจจัยที่มีผลต่อสมดุลของระบบทางเดินอาหาร
http://thaiprobiotics.org/content/image/hd_right.png
ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อสมดุลของทางเดินอาหาร
คนส่วนใหญ่จะเชื่อว่า การรับประทานอาหารที่ดีก็จะทำให้มีสุขภาพดี” (You are what you eat)  แต่แท้จริงแล้วนั้น สุขภาพจะดีได้ ไม่ใช่เพียงเพราะแค่เรารับประทานอาหารดี ๆ เท่านั้น     แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น   ความสำคัญของอาหารที่เรารับประทานเข้าไปขึ้นอยู่กับระบบย่อยอาหารของเราว่าทำงานได้ดีเพียงใด  ซึ่งอาหารนั้นจะต้องถูกย่อยและร่างกายต้องสามารถดูดซึมสารอาหารที่ถูกย่อยนั้นไปใช้ประโยชน์ได้จริง ตลอดจนของเสียที่เหลือจากการดูดซึมไปใช้ก็จะถูกรวบรวมและถูกขับถ่ายออกไป ดังนั้น หากระบบทิ้งขยะภายในตัวเราไม่มีประสิทธิภาพ อุจจาระคั่งค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ สุขภาพของคนคนนั้นก็ไม่น่าจะดีขึ้นได้ ลำไส้ใหญ่ของคนเราเป็นตัวแทนของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทั้งหมด ตำแหน่งต่าง ๆ ในลำไส้ใหญ่ก็จะแทนอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของคนเรา หากเกิดความผิดปกติ มีอุจจาระคั่งค้างอยู่ตำแหน่งไหน อวัยวะซึ่งตรงกับตำแหน่งนั้นก็จะเกิดความปั่นป่วนและทำงานผิดปกติไปด้วย เช่น หากมีอะไรเกิดขึ้นที่กระพุ้งลำไส้ใหญ่ ก็จะกระทบกระเทือนถึงการทำงานต่อมใต้สมอง และทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี หากมีอะไรเกิดขึ้นตรงตำแหน่งลำไส้ขวางส่วนต้น ก็จะเกิดความผิดปกติของหัวใจ เป็นต้น ด้วยเหตุผลนี้ ระบบทางเดินอาหารจึงได้เป็นยุทธศาสตร์สุขภาพที่สำคัญ เป็นส่วนเชื่อมโยงกับสุขภาพร่างกายส่วนอื่น ๆ
ปกติร่างกายของเรามีจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพอยู่แล้ว แต่ด้วยรูปแบบการดำเนินชีวิตทำให้มีปริมาณที่ไม่สมดุลหรือมีปริมาณลดลง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้จุลินทรีย์หรือแบคทีเรียสุขภาพมีปริมาณลดลง ได้แก่ 
1.       การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาบรรเทาปวดต่าง ๆ ซึ่งมีฤทธิ์ในการกำจัดแบคทีเรียทั้งชนิดดีและไม่ดีในระบบทางเดินอาหาร 
2.       ความเครียด ความวิตกกังวล ปัญหาสุขภาพ และอายุมากขึ้น 
3.       รูปแบบการดำรงชีวิต  เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ  การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  การสูบบุหรี่  การรับประทานอาหารประเภทที่มีเส้นใยต่ำ รับประทานอาหารที่มีไขมัน น้ำตาลและโปรตีนสูง เป็นต้น
                ___________________________________________________________________________

Prebiotics benefit the immune system

February 18, 2012 by Jonathan Landsman   
Filed under 
Healthcare, Natural Healing, Nutrition
http://www.naturalhealth365.com/images/veggies.jpg(NaturalHealth365) Prebiotics play a vital role in developing a healthy immune system. Insoluble dietary fibers, also known as “roughage”, keep you regular and help support immune function. The role of prebiotics is immensely important in forming intestinal bacteria.
The indigestible part of all plant-based foods push its way through most of the digestive tract unchanged, acting as a kind of internal broom. When fiber arrives in the colon, bacteria convert it to energy and compounds known as ‘short chain fatty acids’.
By the way, if you suffer from colitis, an inflammatory gut condition, fiber may be the answer to your problems.
In addition, probiotics and prebiotics (which affect the balance of gut bacteria) reduce the symptoms of asthma and rheumatoid arthritis, as well as other inflammatory diseases.
New research links diet to a healthy gut
A study published in Nature highlighted breakthrough research by a Sydney-based team, which makes sense of known facts by describing a mechanism that links diet, gut bacteria and the immune system. The Garvan Institude of Medical Research, in collaboration with Co-operative Research Center for Asthma and Airways helped support the research efforts of Professor Charles Mackay and Ph.D. student, Kendle Maslowski. Their work proved without a doubt, a diet high in fruits, vegetables and grains under normal circumstances produce prebiotics – which help maintain our resistance to disease.
Science proves the value of diet for disease prevention
“Professor Mackay said, “The notion that diet might have profound effects on immune responses or inflammatory diseases has never been taken that seriously”. He goes on to say, “We believe that changes in diet, associated with western lifestyles, contribute to the increasing incidences of asthma, Type 1 diabetes and other autoimmune diseases. Now we have a new molecular mechanism that might explain how diet is affecting our immune systems.”
“We’re also now beginning to understand that from the moment you’re born, it’s incredibly important to be colonized by the right kinds of gut bacteria,” added Maslowski. “The kinds of foods you eat directly determine the levels of certain bacteria in your gut.”
“The role of nutrition and gut intestinal bacteria in immune responses is an exciting new topic in immunology, and recent findings including our own open up new possibilities to explore causes as well as new treatments for inflammatory diseases such as asthma”, said Professor Mackay.
Mom was always right
A new and exciting way to look at fruits and vegetables is to see them as the main factor in supplying you with prebiotics. These are the natural by product of grains, nuts, fruits, and vegetables. Getting beneficial bacteria to take up residence in your intestinal tract will keep you healthy and strong.
Conventional wisdom would have us believe that simply eating yogurt or taking a pill can add enough healthy bacteria – to our gut. But, we now know there are drawbacks to eating commercially produced dairy products and depending on synthetic supplements. They may or may not support the strain you need, and they are not self-supporting in the same way as naturally occurring prebiotics.
Prebiotics have been shown to increase the absorption of vitamins and minerals from the foods you consume. This strengthens your immune system – making it tougher to develop either allergies or disease. Prebiotics has been shown to reduce the growth of bad bacteria and helps the growth of good bacteria. While, probiotics can only be found in foods, which have been fermented or pills, prebiotics are available from natural plant sources.
A good source of Probiotics
In the modern medical world we destroy our live bacteria through the use of antibiotics and processed food. We have weakened our immune system, and have made it harder to fight disease. At the same time we consume a diet that do NOT support gut health.
We have a diet low on prebiotics, and now turn to taking probiotics from man made sources. There are good sources of probiotics such as tempeh, miso, kimchi, kefer, and sauerkraut. These are fermented foods rather than pills; as such they contain vitamins, minerals, and enzymes.
Eating vegetables, fruits and grains help you attain gut health and a strong immune system.
Health is a byproduct of healthy living. A lifestyle of processed foods (and synthetic drugs) is a prescription for low energy; a bloated stomach; heartburn; constipation and diarrhea. This is the most compelling reason to consume unprocessed whole foods.
About the author Blanche has been a student of natural healing modalities for the last 25 years. She had the privilege of working with some of the greatest minds in Natural Healing including Naturopaths, Scientist, and Energy Healers. Having seen people miraculously heal from all kinds of dis-ease through non-invasive methods, her passion now is to help people become aware of what it takes to be healthy.

                ___________________________________________________________________________

                หากจะเอ่ยว่าร่างกายของเรามีเชื้อจุลินทรีย์อาศัยอยู่ด้วยตลอดเวลา คนส่วนใหญ่ก็คงมองภาพเป็นพวกเชื้อที่เกาะตามผิวหนังร่างกายของเราแล้วก็พาลคิดว่าต้องหาสารทำความสะอาดต่างๆ ก็เป็นประเด็นทางการตลาดที่ทำให้บริษัทผู้ผลิตใช้หารายได้จากบรรดาคนที่ต้องการรักษาสุขอนามัยอย่างยิ่งยวด แต่อันที่จริงแล้วบรรดาระบบประสาทสัมผัสทั่วไปของเราที่จะเป็นช่องทางสำคัญของการรับเชื้อต่างๆ นั้นคือ ปาก ต่างหากล่ะ เพราะปากมีกิจกรรมการรับอาหารอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง แล้วจะมีผู้ผลิตคนไหนที่จะกล้ารับประกันว่าอาหารของตัวเองปลอดเชื้อ (Sterile) ไม่มีเลยซักตัว คงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงมากทีเดียวที่จะต้องทำอย่างนั้น
            คนทั่วไปที่ไม่ได้มีความรู้เฉพาะด้านนี้ก็คงคิดว่าเชื้อที่จะเข้าร่างกายนั้นจะหมายถึง เชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงธรรมชาติของชีวิตเรามีทั้งจุลินทรีย์ฝ่ายดีและจุลินทรีย์ฝ่ายร้าย เคยมีใครคิดจะส่งเสริมตรงนี้ไหม ก็ไม่ได้ยินข่าวหรือมีกระแสชัดเจนเท่าไหร่นัก ได้ยินแต่โฆษณาเชียร์ให้ซื้อผลิตภัณฑ์โยเกริ์ต แล้วนมโรงเรียนที่แจกให้เด็กน่าจะแชร์ปริมาณส่วนหนึ่งเป็นโยเกริ์ตบ้างก็คงจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเด็กๆ มากขึ้นอีกเพราะไม่ได้แค่ให้คุณค่าทางโภชนาการ ป้องกันทุพโภชนาการ แต่อย่างน้อยยังช่วยให้เด็กๆ มีจุลินทรีย์ดีๆในระบบทางเดินอาหารไว้ต่อสู้กับจุลินทรีย์ร้ายซึ่งในวัยเด็กที่ภูมิต้านทานยังไม่กล้าแข็งก็มักจะมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อเข้าร่างกายได้ง่าย หยิบอาหารที่ตกพื้นมาทานบ้าง ไม่ล้างมือก่อนทานขนมบ้าง ฯลฯ
เมื่อหันกลับมาคิดถึงตัวเอง ก็จริงทีเดียวที่ไม่เคยให้ความสนใจประเด็นนี้มาก่อนสักเท่าไหร่ เลยเป็นประเด็นกลับมาคิดว่าอย่างน้อยเมื่อมีผลงานวิจัยมากมายออกมาให้คำวำกัดความว่ามันเป็นจุลินทรีย์ฝ่ายดี มันก็ต้องมีเหตุผลรองรับมากทีเดียวที่เราจะมานั่งยอมรับว่ามันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา และต่อไปนี้เราจะทำอะไรที่มีผลกระทบต่อพวกมันเราก็ต้องคิดให้มากขึ้น เหมือนเราต้องดูแลผู้อาศัยที่ไม่ใช่แค่อาศัยไปวันๆ แต่ยังทำประโยชน์ให้เราด้วย
จากบทความข้างต้นประทับใจกับคำว่า  ระบบทางเดินอาหารเป็นยุทธศาสตร์สุขภาพที่สำคัญอ่านแล้วทำให้รู้สึกเห็นภาพว่าทางเดินอาหารเป็นปราการด่านสำคัญที่จะคัดกรองสารต่างๆ เข้าสู่ระบบหมุนเวียนและใช้ในการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งถึงแม้ว่าสารพิษจะหลุดเข้าไปแล้วก็จะมีตับ ไต และอวัยวะอื่นๆอีกที่จะช่วยกำจัดสารพิษออก แล้วถ้ามันกำจัดออกทางอุจจาระได้แล้วมันก็ควรจะถูกขับออกจากร่างกายจึงจะถือว่าเป็นกระบวนการกำจัดสารพิษที่สมบูรณ์ นั่นสินะ ทำไมอุจจาระไม่ถูกขับออกง่ายเหมือนปัสสาวะ มันคงจะช่วยลดภาวะปัญหาให้กับชีวิตมนุษย์ไปได้เยอะเลยทีเดียว
สารพิษที่อยู่ในอุจจาระรอเวลากำจัดออกนอกร่างกาย หากเราปล่อยให้เชื้อแบคทีเรียร้ายได้มีโอกาสถอดสารคอนจูเกตออกได้สารพิษกลับคืนมานั่นย่อมเป็นการสูญเปล่าของการกำจัดสารพิษขั้นก่อนหน้า และนั่นเท่ากับว่าคนที่ไม่สามารถขับถ่ายได้เป็นประจำแล้วยังมีพฤติกรรมชอบทานอาหารที่มีสารพิษปน อาหารปิ้ง ย่าง ทอด เกรียมๆ ไหม้ๆ อาหารที่หมักใช้เกลือไนเตรท แหนม ใส้กรอก ชอบทานเนื้อแดง ชีวิตเร่งรีบทำงานนั่ง office ทั้งวันทานแต่ข้าวกล่อง frozen ทานผักน้อยแล้วยังชอบเขี่ยผักออก พวกนี้มันชีวิตคนในเมืองที่วันๆทำแต่งานชัดๆ ไม่มีเวลาจะมาสนใจดูแลอาหารการกิน ไม่สนใจการออกกำลังกายอีกต่างหาก พวกนี้ก็เท่ากับว่านับถอยหลังไปฟังผลการตรวจของหมอที่จะบอกว่าคุณเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มันช่างเป็นจุดจบของชีวิตที่เป็นสูตรสำเร็จอะไรเช่นนี้ หากเรารู้จักใครที่มีพฤติกรรมเสี่ยงแบบนี้เราคงต้องบอกเขาแล้วล่ะว่าเขาตกอยู่ในอันตรายเพราะเหมือนเราเห็นอนาคตข้างหน้าของเขาว่าเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำใส้ใหญ่อยู่แล้ว และบอกว่าเขามีผู้ช่วยที่มีชีวิตอยู่ในตัว อย่างน้อยก็ให้ทานโยเกริ์ต อาหารที่หาซื้อได้ง่ายทั่วไป เพราะมันจะช่วยยับยั้งการก่อตัวของแบคทีเรียร้ายได้และพยายามทานผักผลไม้ให้มากขึ้น
เมื่อเราเห็นประโยชน์ของโบรไบโอติกในร่างกายเราแล้ว เราก็ต้องมาคิดแผนการที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ถ้าเราไม่สบายแล้วต้องทานยาฆ่าเชื้อ ก็ต้องไม่ลืมว่าเราได้ฆ่าสมาชิกในร่างกายเราให้ลดลงไปด้วยแล้ว เช่นนั้นก็ต้องตามด้วยสูตรการอัดโบรไบโอติกกลับไปเพื่อปรับสมดุล ถ้าหาอาหารหมักอื่นไม่ได้ ก็ง่ายๆ เลยซื้อโยเกริตมาทาน inoc มันเข้าไปใหม่ แล้วก็ทานผักผลไม้เข้าไปเป็นทั้งอาหารของเราและก็แบ่งกากใยให้แบคทีเรียใช้เป็นอาหารของมันด้วยที่เขาเรียกกันว่า พรีไบโอติก
ยิ่งมีการค้นพบข้อมูลใหม่ๆ ว่าการทานอาหารทำให้ภาวะโภชนาการดีแล้วมีผลต่อแบคทีเรียในร่างกาย มีผลต่อระบบการทำงานต่างๆ มีผลกับระบบภูมิคุ้มกัน ยิ่งทำให้เห็นความสำคัญของการรับประทานอาหารว่ามันไม่ใช่จะเป็นแค่ปัจจัย 4 กินเพื่อให้มีชีวิตรอดไปวันๆ เสียเมื่อไร ถ้าปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม ใช้ชีวิตไปวันๆ ทานอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วแต่ใจแล้วแต่ความสะดวก นั่นมันหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ไม่ได้บอกว่าเราจะมีชีวิตที่สุขภาพแข็งแรงดีพร้อมต่อการดำเนินชีวิตด้วยพลังกายที่สมบูรณ์ เราจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารให้มากขึ้น การทานอาหารมันเป็นแหล่งพลังของชีวิต ช่วยคงรักษาประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย
คงไม่มีใครอยากป่วย อยากทุกข์กายทุกข์ใจ ในเมื่ออาหารเป็นสิ่งที่ต้องกินเข้าไปอยู่แล้ว และถ้าเราหันมาให้ความสำคัญในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่เราพอจะหาได้ให้กับตัวเรามันก็ยิ่งเป็นการลงทุนซื้ออาหารที่คุ้มค่ากับเงินที่สูญเปล่ามิใช่เหรอ ถ้าเราสุขภาพดี เราก็ไม่ป่วยหรือแม้เราเจ็บป่วยเล็กน้อยดูแลตัวเองได้หาอาหารมารับประทานในส่วนที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย มันก็น่าจะเป็นการประหยัดค่ารักษาพยาบาลด้วย ชีวิตเราอย่างไรเสียเราก็ต้องดูแลตัวเอง หากเรารู้จักสังเกตการดำเนินชีวิต การกินการอยู่มันก็น่าจะเป็นการใช้ชีวิตได้คุ้มค่าทีเดียว
อันที่จริงเราคงต้องยอมรับว่าการแพทย์บ้านเรายังไม่ได้ก้าวหน้ามากมายในระดับที่จะมาตั้งเป้าหมายในเรื่องการป้องกันให้ได้มากไปกว่าการแก้ไข ทุกวันนี้มีผู้ป่วยจำนวนมากตามโรงพยาบาล การผลิตบุคลากรทางการแพทย์ก็ยังไม่เพียงพอต่อปริมาณของผู้ป่วย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาดำเนินแนวทางตามโปรแกรมการป้องกัน มีแต่ตามรักษากันไปตามสภาวะที่ทำได้ แต่ถ้าจะมีการแพทย์ที่ตามอาการอย่างละเอียดก็เป็นการแพทย์ทางเลือกที่ราคาคงแพงแสนแพง แม้แพทย์จะมีความสามารถแต่หลักการโดยทั่วไปก็เป็นการวินิจฉัยตามอาการตามผลตรวจเท่าที่มี คงไม่ได้รู้ไปเสียทุกอย่างของชีวิตมนุษย์ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีคนที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ไปหาหมอกี่ที่ก็ไม่หายสักที พาลให้ชีวิตซึมเศร้า เราจะมานั่งรอให้คนอื่นมาช่วยในวันที่มันสายเกินไปก็ดูจะเป็นการปล่อยชีวิตตัวเองอย่างไม่ไยดีเกินไป คนอื่นเรายังห่วงใยดูแลได้ แล้วเราจะไม่ตั้งใจดูแลตัวเองเหรอ นี่แหละหนทางของการดำรงชีวิต.....ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาหลักสูตรพิษวิทยาอาหารและโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น