เมื่อมีการคิดค้นสารเจือปนในอาหารตัวใหม่ออกมา
สำหรับประเทศที่ต้องมีการยื่นเอกสารขออนุญาตใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารก่อนที่จะทำการจำหน่ายและ/หรือขอจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ คาดว่าประเทศนั้นคงเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มักมีความคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ
มีเงินทุน มีศักยภาพในการผลิต
และประเทศนั้นต้องมีระบบรองรับในการประเมินความปลอดภัย เพราะขั้นตอนการดำเนินการ
ขอบเขตการวิจัย/ทดลอง รวมถึงบุคลากรและเงินทุนคงต้องใช้ทรัพยาการต่างๆ
ตรงนี้มากทีเดียว
ในแนวทางการประเมินความปลอดภัยนั้น
หลังจากที่ทราบคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของสารเคมีดังกล่าวแล้วก็ต้องมีการประเมินการสัมผัสหรือการบริโภคนั่นเอง
ซึ่งต้องให้ได้มาทั้งข้อมูลปริมาณและโอกาส ประเด็นนี้คงเป็นขั้นตอนและการดำเนินงานที่ต้องใช้ผู้รับผิดชอบจำนวนไม่น้อยในการออกสำรวจเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลจำนวนมากเพียงพอที่จะเป็นตัวแทนประชากรระดับประเทศได้
เมื่อได้ปริมาณที่เป็นตัวแทนแล้วก็ต้องผ่านกระบวนการทดลองกับสัตว์ทดลองหลายขั้นตอนมากมาย
และสารบางตัวอาจจะต้องทดสอบถึงระดับความเป็นพิษเรื้อรังซึ่งอาจต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ
ดังนั้นโดยสภาพของอุตสาหกรรมในประเทศไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลางก็มักจะใช้สารเจือปนในอาหารอย่างง่ายที่เรียกกันว่า
GRAS (Generally recognized as safe) เช่น เกลือ น้ำตาล น้ำปลา ผงชูรส แบะแซ (glucose
syrup) แต่ถ้าเป็นอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่
อุตสาหกรรมร่วมทุนข้ามชาติก็จะมีการใช้องค์ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การอาหารเข้ามาช่วยในการปรับปรุงคุณลักษณะของอาหารให้มีคุณภาพดี
มีลักษณะเหมาะสมในการรับประทานซึ่งก็มีการนำสารเจือปนต่างๆ มากมายมาใช้
ในประเทศไทยเองไม่ค่อยมีผู้ผลิตสารเจือปนชนิดใหม่ๆ เมื่อบริษัทต้องการจะใช้งานก็จะมีการนำเข้าจากประเทศผู้ผลิตโดยการขออนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก็จะใช้ผลการประเมินความปลอดภัยที่วิเคราะห์มาจากประเทศที่ผลิตนั้น
ดังเช่นกรณี กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะซึ่งมีบริษัทผลิต seasoning อยู่ทั่วโลก http://www.ajinomoto.com.my/2009/en/features/map.html http://www.ajinomoto.com/contact_us/index.html ซึ่งก็จะมีการสนับสนุนเพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัทในเครือที่ตั้งอยู่ทั่วโลก
เช่นบริษัทผลิตอาหารแช่แข็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น http://www.ajinomoto.com/overview/index.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น